ปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเรียนภาษาที่สามนั้นทำให้ผู้เรียนนั้นนอกจากจะได้รับความรู้และวัฒนธรรมของชาตินั้น ๆ ยังทำให้ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่นการทำงานเป็นล่าม ทำงานแปล หรือแม้แต่การดูหนังฟังเพลง ภาษาเกาหลีเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ภาษาที่คนไทย(วัยรุ่น)สนใจหันมาเรียนกันมากขึ้นกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแนวโน้มการเรียนภาษาเกาหลีของวัยรุ่นนั้นมาจากกระแสภาพยนตร์ ละครซีรี่ส์ และเพลง K-Pop เป็นเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรม Entertainmentอย่างจริงจัง และอาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีควบคู่กับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี เราจึงเห็น ดารานักร้องเกาหลีกระจายสู่หลายประเทศ โดยเฉพาะในแถบภูมิภาคเอเชีย
แน่นอนว่าหลายคนอาจจะมองว่าการเรียนภาษาเกาหลีนั้นเป็นเพียงการตามกระแสเพียงช่วงสั้น ๆและไม่มีความจำเป็นในการใช้ในการทำงานเท่ากับภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาตะวันตกบางภาษา ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าธุรกิจจีนและญี่ปุ่นเข้าสู่ตลาดเมืองไทยกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมหาวิทยาลัยในประเทศไทยเองก็ยังไม่สามารถที่จะผลิตบัณฑิตทางด้านภาษาจีนและญี่ปุ่นได้เพียงพอกับความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งในเรื่องนี้ แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน แต่ในอีกมุมหนึ่งเราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่นอนว่าแนวโน้มหรือกระแสการเรียนภาษาเกาหลีนั้นจะหายไปในช่วงทศวรรษนี้ เพราะเราจะเห็นได้ว่าเกาหลีใต้เพิ่งจะได้เปิดประเทศสู่สากลโลก การขยายตัวทางธุรกิจจากประเทศเกาหลีใต้ก็เพิ่มขึ้นตามลำดับ
ในบางเขตของกรุงเทพมหานครมีชาวเกาหลีเข้ามาพักอาศัยอยู่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในย่านรัชดา พระรามเก้า พร้อมพงษ์ หลายคนเข้ามาเพื่อแสวงหาโอกาสในการทำธุรกิจในประเทศไทย บางคนก็เข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่กี่ปีเพื่อท่องเที่ยว ทำงาน หรือศึกษาภาษาและวัฒนธรรมไทย ดังนั้นแนวโน้มการเรียนภาษาเกาหลีอาจโตขึ้นเป็นเงาตามตัว สำหรับสถาบันสอนภาษาเกาหลีในประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หรือแม้แต่ในบางมหาวิทยาลัยก็ได้เปิดสาขาวิชาภาษาเกาหลีเป็นวิชาเอก วิชาโท วิชาเลือก หรือเปิดสอนเพิ่มเติมในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ทำให้กระแสการเรียนภาษาเกาหลีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เอาล่ะครับ ผมจะเริ่มเขียนบล็อคเกี่ยวกับภาษาเกาหลีค่อยเป็นค่อยไป ส่วนตัวผมเองเรียนภาษาเกาหลีมาเกือบหนึ่งปี ซึ่งคิดว่าบางเรื่องก็ยากมาก บางเรื่องก็ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สำหรับการเรียนภาษาแล้ว ถ้าหากเรามีความสนใจที่จะเรียน ไม่ว่าการเรียนภาษาอะไรก็คงจะดูไม่ยากเกินไป จริงไหมครับ และผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะอยากเรียนภาษาที่สาม อาจจะมองภาษาเกาหลีเป็นหนึ่งในทางเลือกก็ได้นะครับ โดยเฉพาะกับคนที่เรียนภาษาจีนและญี่ปุ่นมาแล้ว ถ้าจะเรียนภาษาเกาหลีแล้วล่ะก็ จะง่ายขึ้นมาก เพราะภาษาเกาหลีนั้นมีรากมาจากภาษาจีน สำหรับภาษาญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน ส่วนตัวผมเองเรียนภาษาญี่ปุ่นมาบ้าง (ความรู้ระดับ N4) พอมาเรียนภาษาเกาหลีแล้วจึงรู้สึกว่าไม่ยาก เนื่องจากระบบภาษาเกาหลีและภาษาญี่ปุ่นจึงมีคำศัพท์และไวยากรณ์ใกล้เคียงกันมากอย่างไม่น่าเชื่อ
หลาย ๆ คนอาจจะได้ยินว่าบางคนมีความสามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา ซึ่งจะสังเกตได้ว่าเขาหรือเธอผู้ที่สามารถพูดภาษาที่ 4 5 6 7 ได้นั้น มักจะเรียนภาษาที่มีรากภาษามาจากภาษาที่ 1 2 3 การเรียนภาษาทีละหลาย ๆ ภาษาในกลุ่มภาษาที่ใกล้เคียงกันนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ แต่ก็ไม่ง่ายเลย เพราะการจะเรียนภาษาให้ดีได้นั้น ปัจจัยหนึ่งนั้นก็คือการจำคำศัพท์ให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าอาจทำให้เกิดการสับสน แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะผมเองก็เช่นกัน เวลาผมเรียนภาษาเกาหลี คำบางคำผมก็ออกเสียงผิดไปและขี้เกียจที่จะแก้ไขเสียด้วยซ้ำ เช่น คำว่า เวลา ในภาษาเกาหลี ออกเสียงว่า "ฉิกัน" แต่ผมก็ออกเสียงด้วยคำว่า "จิคัง" (ภาษาญี่ปุ่น) ไปด้วยความเคยชิน แต่อาจารย์ภาษาเกาหลีท่านก็เข้าใจอยู่ดี^^ ซึ่งในครั้งหน้าผมจะเริ่มทยอยอัพเดทภาษาเกาหลีให้ทุกท่านได้เรียนกันครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น